กระทรวงพาณิชย์ แถลงประเด็น คนจีนขายอาหารเยาวราช ย้ำต้องขออนุญาตก่อน ฝากเตือนคนไทยที่เป็นนอมินีให้มีโทษด้วย จากกรณีที่ ร้านหมาล่าดังย่านเยาวราช ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กตัดพ้อว่า กฎหมายปัจจุบันเอื้อให้ชายต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศไทยมากเกินไป จนสร้างความกังวลว่าจะแย่งที่ทำกินของคนไทย พร้อมยกตัวอย่างว่าในปัจจุบัน ย่านเยาวราชมีชาวต่างชาติเข้ามาเปิดร้านในไทยเยอะมากดังที่รายงานไปก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุด นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
แถลงข่าวถึงประเด็นคนจีนขายอาหารเยาวราชนี้ว่า ประกอบธุรกิจร้านอาหารย่านเยาวราช มีข้อกังวลประเด็นชาวจีนถือวีซ่านักท่องเที่ยวทำธุรกิจในไทย โดยชาวจีนรุ่นใหม่ที่มาลงทุนใช้นอมินีหรือมีเพียงวีซ่านักท่องเที่ยวเข้ามาประกอบธุรกิจหลากหลายประเภทในย่านเยาวราช เช่น ร้านอาหาร ร้านค้าขาย ส่งผลให้เม็ดเงินต่าง ๆ จะกระจายสู่ท้องถิ่นน้อยลง และผู้ประกอบการไทยประสบปัญหาในระยะยาว
นายทศพล กล่าวว่า กรณีที่มีการจดทะเบียนพาณิชย์เพื่อประกอบธุรกิจ (จดทะเบียนพาณิชย์ที่สำนักงานเขต กรุงเทพมหานคร เทศบาล หรือ อบต.ที่ร้านค้าตั้งอยู่) เป็นการจดทะเบียนการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจคนเดียว ชาวต่างชาติไม่สามารถจดทะเบียนพาณิชย์ได้
ที่ผ่านมา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ร่วมมือกับกระทรวงแรงงานในการลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจกลุ่มนี้ ซึ่งหากพบว่ามีคนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต จะมีความผิดตามกฎหมายของกระทรวงแรงงานและของกระทรวงพาณิชย์ อีกทั้งหากพบคนไทยมีการจดทะเบียนพาณิชย์แทนคนต่างด้าว ก็จะมีความผิดในลักษณะนอมินีด้วย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน และกฎหมายหลายฉบับ กรมฯ จะบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นต่อไป
พร้อมกันนี้ ขอเตือนคนไทยที่ถือหุ้นแทนคนต่างด้าว หรือร่วมเอาชื่อเข้าเป็นผู้ถือหุ้นโดยไม่ได้ลงทุนจริง หรือให้การสนับสนุนร่วมประกอบธุรกิจกับคนต่างด้าว โดยแสดงว่าเป็นธุรกิจของคนไทยเพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 – 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000 – 50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน
ขั้นตอนการจดทะเบียน กำหนดให้คนไทยที่ร่วมลงทุนในนิติบุคคลต้องแสดงหลักฐานที่ธนาคารออกให้ เพื่อรับรองหรือแสดงฐานะการเงินที่แสดงว่ามีทรัพย์สินเพียงพอที่จะลงทุนในนิติบุคคลได้ เมื่อจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว จะตรวจสอบว่ามีการใช้คนไทยถือหุ้นแทนหรือกระทำการในลักษณะนอมินีเพื่อหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงรวมทั้งพยานเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาพิจารณาประกอบการตรวจสอบ ปัจจุบันกรมฯ ได้จัดทำเป็นแผนงานตรวจสอบประจำปีซึ่งธุรกิจขายอาหารหรือเครื่องดื่มเป็นหนึ่งในธุรกิจที่อยู่ในแผนงานตรวจสอบด้วย
‘สนธิญา’ ฟ้องเอาผิด ‘โอ๊ค พานทองแท้’ หมิ่นประมาท หลังถูกด่าเป็นสุนัขรับใช้
สนธิญา ยืนฟ้องเฟซบุ๊ก Oak Panthongtae หรือ โอ๊ค พานทองแท้ หลังเคยถูกเฟซบุ๊กนี้ด่าว่าเป็นสุนัขรับใช้ เลียรองเท้าบูท รับใช้เผด็จการ นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางไปยังศาลอาญษถนนรัชดาภิเษก เพื่อฟ้องผู้ใช้เฟซบุ๊ก Oak Panthongtae หรือ โอ๊ค พานทองแท้ ลูกชายนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานหมิ่นประมาทและหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
นาย สนธิญา กล่าวว่า ตนเองมาใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย กรณีที่มี เฟซบุ๊ก Oak Panthongtae Shinawatra ซึ่งตนไม่ทราบว่า เป็นใคร ชื่ออะไร ตัวตนอยู่ที่ไหน อย่างไร แต่ Facebook นี้มีผู้ติดตามประมาณ 2 ล้าน 6 แสนกว่าคน ได้โพสต์ทำให้ตนเองเสียหาย ไม่ว่าในเรื่องของการเป็นสุนัขรับใช้ เลียรองเท้าบูท หรือการรับใช้เผด็จการ
ตนเองขอชี้แจงว่า ตั้งแต่ปี 2550 ตนเองก็ได้ทำการฟ้องร้องผู้ที่จับจ้วงสถาบัน หรือฟ้องร้องผู้ที่ไปกระทำการเกี่ยวกับประธานองคมนตรี เพราะฉะนั้น ก็ดำเนินการมาตลอดเกือบ 20 ปีแล้ว ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวล จึงมาใช้สิทธิ์ในการฟ้องตามกระบวนการกฎหมายอาญาหมิ่นประมาท และหมิ่นประมาท ด้วยการโฆษณา 2 ข้อหา
การดำเนินคดีนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 เพราะก่อนหน้านี้ ได้ยื่นฟ้องอาญาต่อ ผู้ที่ใช้ชื่อว่า โอ๊คพานทอง แท้ในทวิตเตอร์ไปแล้ว โดยคดีแรกศาลได้นัดไต่สวนวันที่ 28 ก.พ. เวลา 16.00 น. ซึ่งถือว่าเป็นการนัดหมายนอกเวลาทำการของศาล แต่เมื่อตนเองไปสืบค้น Facebook ก็ไปเจอ ข้อความหมิ่นประมาท จึงมาฟ้องเพิ่มในวันนี้อีก 1 คดี เพื่อเป็นการปกป้องสิทธิ์ ผู้ที่กล่าวหาทำให้ตนเองเสียหาย
กรณีการจดทะเบียนการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจคนเดียว ซึ่งคนต่างชาติไม่สามารถจดทะเบียนพาณิชย์ได้ ที่ผ่านมา กรมฯ ได้ร่วมมือกับกระทรวงแรงงานในการลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจกลุ่มนี้ ซึ่งหากพบว่ามีคนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาตก็จะมีความผิดตามกฎหมายของกระทรวงแรงงานและของกระทรวงพาณิชย์ อีกทั้งหากพบคนไทยมีการจดทะเบียนพาณิชย์แทนคนต่างด้าวก็จะมีความผิดในลักษณะนอมินีด้วย
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> เซ็กซี่บาคาร่า